Page 48 - 100
P. 48
วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย
�
การดาเนินงานในระยะแรกของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงกลาโหม
ด้วยเหตุผลดังปรากฏในแจ้งความสภากาชาดสยาม อธิบายเหตุที่ต้องโอนโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ให้แก่กระทรวง
กลาโหมชั่วคราวและความมุ่งหมายที่จะด�าเนินการต่อไปภายหน้า ความตอนหนึ่งดังนี้ “...เพรำะเหตุที่สภำกำชำด
ไม่มีทุนรอนพอดังนี้ จึงต้องทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำฯ ให้โอนโรงพยำบำลให้แก่กระทรวงกระลำโหม ให้ใช้โรง
พยำบำลซึ่งสภำนี้ได้สร้ำงขึ้นเป็นสถำนที่พยำบำลของฝ่ำยทหำร แต่สภำได้จัดขอร้องให้กระทรวงกระลำโหมสั่งรับ
คนเจ็บทั่วไปด้วย ไม่ใช่เฉพำะทหำร เพื่อให้เป็นสำธำรณประโยชน์ แต่กำรที่จัดดังนี้ย่อมนับว่ำเป็นกำรเพื่อพลำง
หำใช่ควรจะเป็นเช่นนี้ตลอดเสมอไปไม่ สภำกำชำดมิได้ขึ้นต่อกระทรวงกระลำโหม เป็นสมำคมอันหนึ่งต่ำงหำก
อันอำไศรยบุคคลที่เต็มใจเข้ำเป็นสมำชิกหรือช่วยอุดหนุนนั้นช่วยกันท�ำกำรไปให้ส�ำเหร็จ ไม่ใช่เป็นกระทรวงหรือ
กรมของรัฐบำลหำมิได้ และตำมหนทำงกำรสภำกำชำดจะต้องจัดกำรปกครองและด�ำเนินในกำรโรงพยำบำลนี้เอง
จึงจะสมเหตุสมผล.” ๒
กำาเนิดโรงเรียนนางพยาบาลสภากาชาดสยาม
ี
ในขณะท่เปิดโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ของสภากาชาดสยามใหม่ๆ เม่อต้นปีพุทธศักราช ๒๔๕๗
ื
โรงพยาบาลใช้นางพยาบาลผดุงครรภ์ประกาศนียบัตรซ่งสอบไล่ได้จากโรงเรียนสูติกรรมของสมเด็จพระศร ี
ึ
พัชรินทรา บรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ส�าหรับพยาบาลคนเจ็บไข้ฝ่ายหญิง และรับกุลสตรีที่
ั
มีความรู้หนังสือไทยเข้าฝึกหัดทาการช่วยนางพยาบาลเหล่าน โดยมีการส่งสอนริมท่นอนคนเจ็บไข้ควบไปด้วย
ี
�
ี
้
ส่วนการพยาบาลคนเจ็บไข้ฝ่ายชายน้นใช้บุรุษพยาบาลซ่งเป็นนายสิบพยาบาล พลพยาบาล พลเปลและคน
ึ
ั
พยาบาลพลเรือนที่สมัคร
ต่อมาบิดามารดาและผู้ปกครองของหญิงอื่นๆ เห็นว่าการฝึกหัดเล่าเรียนในทางนี้ อาจเป็นผลดีแก่บุตรี
ของตนจึงได้ส่งบุตรีและหลานมาฝึกหัดเพ่อให้เป็นนางพยาบาล ในราวกลางปีๆเดียวกันน้นเอง มีกุลสตรีท่รู้
ั
ี
ื
หนังสือไทยมาขอฝึกหัดวิชาการพยาบาล ๔ คน รวมทั้งนางพยาบาลผดุงครรภ์อีก ๓ คน รวมเป็น ๗ คนด้วยกัน
ซึ่งเห็นว่ามีจ�านวนนักเรียนพอที่จะจัดการฝึกหัดสั่งสอนให้เป็นระเบียบได้แล้ว จึงได้เปิดสอนวิชาการพยาบาล
ขึ้นเป็นครั้งแรกในกรุงสยาม เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๕๗ ซึ่งเป็นไปตามพระราชด�าริของ
พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ดังพระราชด�ารัสตอบในการเปิด
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ความตอนหนึ่งว่า “...แท้จริงตั้งแต่แรกเรำกลับมำจำกกำรศึกษำ ก็ได้มำแลเห็นสภำ
กำชำดของเรำ ซึ่งในเวลำนั้นมีอำกำรแปลกกับที่ได้จัดขึ้นใหม่ในบัดนี้ คือยังจัดไปโดยหนทำงด�ำเนินกำรที่เข้ำใจ
ผิดอยู่ ตัวเรำเองในครั้งนั้นได้รับภำระช่วยเหลือฉลองพระเดชพระคุณสมเด็จพระบรมรำชชนนีผู้เป็นสภำนำยิกำ
จึงได้คิดถึงกำรที่จะแก้ไขระเบียบกำรในสภำกำชำดให้ลงรอย และได้กรำบทูลว่ำควรมีโรงพยำบำลขึ้นโรงหนึ่ง
เพ่อประสงค์ให้เป็นท่ฝึกหัดนำยแพทย์ฝ่ำยทหำรและคนพยำบำลให้ช�ำนิช�ำนำญ กำรของสภำกำชำดน้นเรำ
ี
ื
ั
เข้ำใจกันเสียว่ำจะท�ำแต่ในเวลำสงครำม ถึงกระนั้นก็ดี ในกำรรักษำโรคก็ดี กำรพยำบำลก็ดี ไม่ใช่คนหนึ่งคนใด
๒ สภากาชาดสยาม, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงเรียนนางพยาบาล สถานปาสเตอร์ พระพุทธศักราช ๒๔๖๒. (กรุงเทพฯ:
ส�านักงานปลัดกระทรวงกลาโหม, แผนกโรงพิมพ์ กองบริการ กรมเสมียนตรา, ๒๕๓๔), ๕๓.
47