Page 588 - 100
P. 588

วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย



                   กลับบ้านในวันเสาร์และวันอาทิตย์”  (ท่านผู้หญิงประเทือง  คชภักดี,  “การด�าเนินชีวิตเกี่ยวกับวิชาชีพพยาบาล

                   ของข้าพเจ้า” สารศิษย์เก่าพยาบาลสภากาชาดไทย, ๒๕๔๐, ๒๓)


                          “...ชั้นปีที่ ๑ เป็นการเรียนวิชาการ และมีการสอบเพื่อเอาหมวกมาใส่ พอครึ่งปีก็จะสอบ ถ้าสอบผ่าน

                   ทุกวิชาก็จะมีสิทธิ์ใส่ชุดฟอร์มพยาบาลสีขาว.... ชั้นปีที่ ๒ เทอมแรกก็จะมีการสอบเพื่อรับหมวกพยาบาล มีเพื่อน
                   หลายคนสอบไม่ผ่าน เวลาขึ้นตึกก็จะไม่มีหมวกใส่ จนกว่าจะสอบผ่านทุกวิชา...



                                                                                                       ี
                                ึ
                          ...การข้นฝึกปฏิบัติงานบนหอผู้ป่วย  ทางกองโรงเรียนจะเป็นผู้จัดให้  แล้วแต่ใครจะข้นตึกท่ตึกไหน
                                                                                                  ึ
                   ปลายปี  ๒  จะขึ้นเวรเช้า  บ่าย  ดึก  เวรละ  ๗  วัน  แล้วหยุด  ๒  วัน  การขึ้นปฏิบัติงานบนตึกสมัยนั้นแต่ละตึก
                   จะมีผู้ป่วยแผนกละ ๕๐ คน ... การอยู่เวรเช้ามีพี่พยาบาล ๒ คน พี่นักเรียนพยาบาลปี ๓ หรือปี ๔ จ�านวน
                   ๑  คน  และนักเรียนชั้นปีที่  ๒  จ�านวน  ๑  คน  การอยู่เวรบ่ายดึกนักเรียนปีที่  ๒  ขึ้นเวรกับพี่ชั้นปีที่  ๓  หรือ

                   ชั้นปีที่  ๔  เวรละ  ๑  คน  ไม่มีพนักงานอื่นเลย  การรับผิดชอบในหน้าที่จะมีพี่พยาบาลเป็นเวรตรวจการณ์
                   ถ้ามีปัญหาแต่ละตึกจะตามเวรตรวจการณ์มาช่วย  น้องปี  ๒  จะต้องแจกยาผู้ป่วยหลังอาหาร  ก่อนนอนกางมุ้ง
                   ทุกเตียง  สมัยก่อนแต่ละตึกไม่มีมุ้งลวด  ไม่มีพัดลม  กว่าจะกางมุ้งเสร็จเรียบร้อยทุกเตียงเหงื่อท่วมตัว  แต่ก็

                   ท�าด้วยความเต็มใจและมีความสุข...”  (ประจวบ  วัฒนพงศ์ศิริ,  ศิษย์เก่ารุ่น  ๔๙  “เสี้ยวชีวิตพยาบาลชนบท”
                   สารศิษย์เก่าพยาบาลสภากาชาดไทย, ๒๕๔๔, ๘๔)



                          “...สมัยนั้นถ้ามีผู้ป่วยมาก จะกางเตียงผ้าใบเพิ่ม นักเรียนพยาบาลจะรับเวรบ่าย ๑๖.๐๐ น. ท�าทุกอย่าง
                                             ี
                   เช่น  เข็นท่อออกซิเจนเอง  เปล่ยนหัวต่อออกซิเจนเอง  นักเรียนต้องกางมุ้งให้คนไข้  แขนเส้อนักเรียนจึงขาด
                                                                                               ื
                   เป็นประจ�า กลางคืนวันไหนคนไข้มีอาการเปลี่ยนแปลง สมัยนั้นไม่มีโทรศัพท์ ต้องเดินไปตามแพทย์ด้วยตนเอง
                   ท่หอพักแพทย์ โชคดีท่คนสมัยน้นมีจริยธรรมสูง ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนนักเรียนพยาบาลก็ปลอดภัย...” (สัมภาษณ์
                    ี
                                            ั
                                     ี
                   นางสาวพิศวง พุทธศิริ, อดีตหัวหน้าพยาบาลโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, ศิษย์เก่าพยาบาลสภากาชาดไทย รุ่น ๔๘)

                          “....เมื่อเรียนชั้นปีที่  ๒  ก็เริ่มเป็น  Incharge  แล้ว  ตึกอาทรเป็นตึกศัลยกรรมและนรีเวช  ยุงเยอะมาก

                                                                              ื
                   เวลาอยู่เวรกลางคืน  ต้องกางมุ้งและเก็บมุ้งให้ผู้ป่วยประมาณ  ๘๐  หลัง  เส้อชุดฟอร์มพยาบาลรักแร้ขาดกันหมด...
                   เวรบ่าย  เวรดึกนักเรียนพยาบาลส่งเวรกันเอง  มีเวรตรวจการณ์เป็นพี่หัวหน้าหอผู้ป่วย  ที่ตึกวชิราวุธมีผู้ป่วย

                   ถูกสุนัขบ้ากัด  เมื่อผู้ป่วยอาละวาดต้องเอามุ้งครอบมัดตัวไว้  แล้วฉีด  Formaldehyde  ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรอด...”
                   (สัมภาษณ์นางจงรักษ์ โพธารชร, ศิษย์เก่าพยาบาลสภากาชาดไทย รุ่น ๕๐)



                          “...สิ่งประทับใจมาก ไม่เคยลืมเลย เรื่องอยู่เวรบ่ายตึกปัญจมราชินีชั้นบน เมื่อรับเวรก็รู้แต่ว่าห้องพิเศษ
                   ห้องนี้ต้องหยอดตาก่อนนอน หน้าห้องจะมีประตูบังตาอยู่กลาง เราเปิดประตูแล้วผลักเข้าไป ขอคนไข้หยอดตา

                   ซึ่งนอนอยู่บนเตียงแล้วก็กลับออกมา  พอบ่ายเข้าห้องเรียน  ครูที่โรงเรียนเรียกไปพบ  เพราะทางตึกฟ้องมาว่า
                   ไม่ได้คลานเข้าห้องคนไข้พิเศษเพราะเป็นหม่อมเจ้า...” (ประจวบ วัฒนพงศ์ศิริ, ศิษย์เก่ารุ่น ๔๙ “เสี้ยวชีวิตพยาบาล
                   ชนบท” สารศิษย์เก่าพยาบาลสภากาชาดไทย, ๒๕๔๔,๘๖)





 586                                                      587
   583   584   585   586   587   588   589   590   591   592   593