Page 589 - 100
P. 589
๑๐ ทศวรรษ ที่ยั่งยืน...สู่ทศวรรษหน้าที่ท้าทาย
้
ึ
ั
ื
ื
�
“...ปีพุทธศักราช ๒๔๘๕ มีเหตุการณ์สาคัญเกิดข้น ๒ เร่อง เร่องแรกนาท่วมกรุงเทพฯ คร้งใหญ่ บางวันท่วม
�
ถึงระเบียงตึกช้นล่าง ต้องใช้เรือพายติดต่อระหว่างตึกผู้ป่วย โรงครัว แผนกสูติ-นรี และห้องเก็บศพ การปฏิบัติงาน
ั
ได้รับความล�าบากมาก ต้องมีความอดทน ขณะนั้นอยู่ในวัยสนุก ไม่ค่อยรู้สึกถึงความล�าบาก มุ่งแต่จะช่วยกัน
�
ทางานให้ลุล่วงไปวันต่อวัน นักเรียนงดเรียนบางวิชา และอดกลับบ้านช่วคราว หัวหน้าพยาบาลขอร้องให้นักเรียน
ั
เวรบ่ายและเวรดึกช่วยกันช้อนกุ้งฝอยและจับปลา เพื่อส่งให้โรงครัวน�าไปประกอบอาหาร ทุกคนเต็มใจสนุก
ี
ื
ื
ี
เร่องท่สอง เม่อวันท่ ๘ ธันวาคม ๒๔๘๕ กองทัพญ่ปุ่นบุกเข้าประเทศไทยหลายจุด โดยเฉพาะกรุงเทพฯ
ี
ี
ึ
ทหารกองหน่งได้เข้ามาพักในบริเวณสนามม้า (สปอร์ตคลับ) และทหารญ่ปุ่น หน่วยเสนารักษ์ได้เข้ายึดตึก
วชิราวุธและตึกหลิ่มซีลั่น เพื่อใช้เป็นที่รักษาพยาบาลทหารญี่ปุ่นที่ป่วยเจ็บ นักเรียนที่เข้าเวรบ่ายและดึกที่ตึก
ื
จิรประวัติและตึกอ่นๆ มีความกลัวมาก ต้องมีการระแวดระวังรักษาตัวเอง ดีใจมากเม่อเห็นเวรตรวจเปิดไฟสีแดง
ื
แสดงว่าเวรตรวจ (พยาบาล) ก�าลังปฏิบัติงานอยู่ที่ตึกนั้นๆ...” (ท่านผู้หญิงประเทือง คชภักดี “การด�าเนินชีวิต
เกี่ยวกับวิชาชีพพยาบาลของข้าพเจ้า, สารศิษย์เก่าพยาบาลสภากาชาดไทย, ๒๕๔๐, ๒๕)
“...ข้าพเจ้าก็ไปที่ตึกสุทธาทิพย์ (เป็นหอพักนักเรียน) ได้พบนักเรียนพยาบาล ต่างคนก็ตกใจกลัว เพราะ
ข่าวก่อนหน้านั้นได้ทราบมาว่า ญี่ปุ่นขึ้นเมืองใดมักท�ากับผู้หญิงตามอ�าเภอใจ ข้าพเจ้าไปอธิบายและปลอบใจ
นักเรียน นักเรียนได้มารุมล้อมข้าพเจ้าเต็มไปหมด ข้าพเจ้าได้บอกว่าเราอยู่ภายใต้ธงกาชาดแล้ว ใครจะท�าอะไร
ไม่ได้ จงทาจิตใจให้สงบเถิด ผู้มีหน้าท่จงไปทางานตามหน้าท่ ขอให้เห็นกับคนไข้ ขณะท่พูดกันอยู่น้ คุณสงวนวรรณ
ี
�
ี
�
ี
ี
ี
เฟื่องเพ็ชร หัวหน้าพยาบาลได้เข้ามาพบเข้า และได้ช่วยกันให้กาลังใจนักเรียน นักเรียนท่เป็นเวรก็ได้กลับไป
�
ปฏิบัติงามตามเดิม ที่ไม่อยู่เวรก็อยู่ในความสงบ...” (ท่านผู้หญิงถวิลหวัง ทุติยะโพธิ, ละครตัวเดียว, ๒๕๑๗,
๓๒-๓๓)
“...การเข้าเวรเช้า บ่าย และดึก ต้องรีบไปรับเวรหลังออกจากห้องเรียน ผู้อยู่เวรบ่าย-ดึก ต้องม ี
ความอดทน มักมีอาการง่วงหลับในห้องเรียน...” ประสบการณ์ที่ยากจะลืมอย่างหนึ่งของชีวิตนักเรียนพยาบาล
คือ การส่งศพเมื่อผู้ป่วยเสียชีวิต นักเรียนชั้นปีที่ ๒ จะไปส่งศพที่ห้องเก็บศพ โดยจะเป็นผู้ที่ถือร่มกางให้ผู้ป่วย
ที่เสียชีวิต และจะมีคนงานประจ�าห้องเก็บศพมารับศพ เมื่อถึงห้องเก็บศพจะต้องเก็บผ้าคลุมผู้ป่วยมาคืนตึก...”
(ประจวบ วัฒนพงศ์ศิริ, ศิษย์เก่ารุ่น ๔๙ “เส้ยวชีวิตพยาบาลชนบท” สารศิษย์เก่าพยาบาลสภากาชาดไทย,
ี
๒๕๔๔, ๘๕)
�
“...ท่ลาบากท่สุดคือ การส่งศพไปไว้ท่ห้องเก็บศพในเวลากลางคืนท่มีนาท่วม ต้องนาศพไปลงเรือท่ท่าเรือ
ี
ี
�
้
ี
�
ี
ี
�
ึ
ซ่งทางโรงพยาบาลจัดไว้ ข้าพเจ้าต้องทาหน้าท่ยกทางปลายเท้า เวรเปลยกทางศีรษะ นับ ๑, ๒, ๓ ยกศพลงไปอย ู่
ี
ในเรือเรียบร้อย เวรเปลท�าหน้าที่พายเรือ ข้าพเจ้านั่งหัวเรือ (มีไฟฉายช่วย) เมื่อถึงห้องเก็บศพต้องเปิดประตู
เปิดไฟ แล้วยกศพวางบนชั้นที่จัดไว้ เสร็จเรียบร้อยแล้วปิดไฟและประตู ข้าพเจ้าและเพื่อนๆ ก่อนเข้าเวรบ่าย
หรือดึก จะภาวนาขออย่าให้มีคนตายขณะที่อยู่เวรเลย... (ท่านผู้หญิงประเทือง คชภักดี, “การด�าเนินชีวิตเกี่ยวกับ
วิชาชีพพยาบาลของข้าพเจ้า, สารศิษย์เก่าพยาบาลสภากาชาดไทย, ๒๕๔๐, ๒๕)
588